iPhone 8 or iPhone X


             หลายคนคงจะผิดหวังไปตามๆกันสำหรับเจ้า iPhone8 ที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา ส่วนตัวผมเองเองมองไป iPhone X  หรือ ว่าไอโฟน สิบ ที่ทำให้ Tim Cook เกือบแย่สำหรับ การ โชว์ Face ID ดันไม่ทำงานซะนี่ แต่เจ้าตัวนี้ก็ได้ ขึ้นชื่อว่าเป็นผลงานเยี่ยมยอดมากที่เดียว แต่อย่านำไปเทียบกับ Note 8 ของ Samsung ล่ะครับ มันคนละเรื่องเดียวกัน 55
              สำหรับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus นั้น ก็คงเป็นรุ่นต่อจาก iPhone 7 และ iPhone 7 Plus นั่นเอง ดีไซต์ก็ยังคล้ายๆเดิม แต่ บอดี้นั้นเป็นแบบกระจกและอะลูมิเนียมที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
แต่สเปกและคุณสมบัติอื่นๆ เรียกได้ว่าไม่แพ้ iPhone X เลย เราลองมาดูว่ามีคุณสมบัติอะไรกันบ้าง ก่อนของจริงจะมา

ขอบคุณ www.thaimobilecenter.com

iPhone 8


     ตัวเครื่อง 138.4 x 67.3 x 7.3 มม. หนัก 148 กรัม
     จอแสดงผลขนาด 4.7 นิ้ว แบบ True Tone Display (IPS LCD) ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล (326 ppi)
     ชิปเซ็ต Apple A11 Bionic แบบ 6-Core Processor (64-bit) พร้อมระบบ Neural Engine และ Apple M11 หน่วยประมวลผลร่วมสำหรับประมวลผลด้านการเคลื่อนไหว
     หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 64 GB และ 256 GB
     กล้องด้านหน้าแบบ FaceTime ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง F/2.2
     กล้องด้านหลัง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่น (OIS), รูรับแสง F/1.8 และไฟแฟลชแบบ Quad-LED (4 ดวง)
     กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67
     รองรับระบบการชาร์จแบบไร้สาย และระบบชาร์จเร็ว
     ฟีเจอร์ 3D Touch และ Touch ID ที่ปุ่ม Home
     พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ Lightning
     ลำโพงสเตอริโอแบบใหม่ เสียงดังขึ้นกว่าเดิม 25%
     ทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS 11
     มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Gold, Silver และ Space Gray
     ราคา iPhone 8 ในสหรัฐฯ อยู่ที่ $699 (ประมาณ 24,900 บาท) สำหรับขนาด 64 GB และ $849 (ประมาณ 29,900 บาท) สำหรับขนาด 256 GB

iPhone 8 Plus
     ตัวเครื่อง 158.4 x 78.1 x 7.5 มม. หนัก 202 กรัม
     จอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว แบบ True Tone Display (IPS LCD) ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (401 ppi)
     ชิปเซ็ต Apple A11 Bionic แบบ 6-Core Processor (64-bit) พร้อมระบบ Neural Engine และ Apple M11 หน่วยประมวลผลร่วมสำหรับประมวลผลด้านการเคลื่อนไหว
     หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 64 GB และ 256 GB
     กล้องด้านหน้าแบบ FaceTime ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง F/2.2
     กล้องคู่ด้านหลัง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ประกอบด้วยเลนส์มุมกว้าง รูรับแสง F/1.8 และเลนส์ Telephoto รูรับแสง F/2.8, ระบบกันสั่นคู่ OIS, ไฟแฟลชแบบ Quad-LED True Tone Flash, รองรับโหมด Portrait กับ Portrait Lighting และซูมดิจิตอลได้สูงสุด 10 เท่า
     กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67
     รองรับระบบการชาร์จแบบไร้สาย และระบบชาร์จเร็ว
     ฟีเจอร์ 3D Touch และ Touch ID ที่ปุ่ม Home
     พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ Lightning
     ลำโพงสเตอริโอแบบใหม่ เสียงดังขึ้นกว่าเดิม 25%
     ทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS 11
     มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Gold, Silver และ Space Gray
ราคา iPhone 8 Plus ในสหรัฐฯ อยู่ที่ $799 (ประมาณ 27,900 บาท) สำหรับขนาด 64 GB และ $949 (ประมาณ 33,900 บาท) สำหรับขนาด 256 GB



          iPhone X มีขนาดของตัวเครื่องคือ ความยาว 5.65 นิ้ว (143.6 มม.), ความกว้าง 2.79 นิ้ว (70.9 มม.) และความหนา0.30 นิ้ว (7.7 มม.) มีความโค้งมน จอภาพไร้ขอบ  ซึ่ง iPhone X มีขนาดที่เล็กกว่า iPhone 8 Plus แต่ใหญ่กว่า iPhone 8 เล็กน้อย.

          ขนาดของหน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 5.8 นิ้ว ทำมาจาก Super Retina HDMulti-Touch เคลือบด้วย Oleophobicทนต่อลายนิ้วมือ  ความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ 2436 x 1125 พิกเซล 458 ppi  มีอัตราส่วนความคมชัดคือ 1,000,000: 1 ให้ความแม่นยำในเรื่องสีที่มากกว่าเดิม
และที่สำคัญ ไม่มีปุ่ม Home บนเครื่องอีกต่อไปแล้ว

 iPhone X มีฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมเข้ามา ดังนี้
     ระบบสแกนใบหน้าหรือ Face ID เพื่อปลดล็อคเครื่อง  โดยใช้การจดจำใบหน้า แทนที่ระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID ซึ่งมีความแม่นยำและเร็วกว่า Touch ID ถึง 1 ใน 1,000,000 เลยทีเดียว
     Animoji หรืออีโมจิที่ผู้ใช้งานสามารถขยับใบหน้าของ Emoji ตามใบหน้าของเราได้
     Siri ใช้งานได้โดยกดปุ่มPowerค้างไว้
     ผู้ใช้งานสามารถทำการชำระเงินด้วย iPhone โดยใช้ระบบ Face ID ผ่านทาง Apple Pay
     รองรับระบบ Augmented Reality
     กล้องหน้าแบบ ขนาด 12MP รูรับแสง ƒ / 1.8 ซูมแบบดิจิตอลได้ถึง 10 เท่า  ด้วยชิ้นเลนส์หกชิ้น  มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว, Auto HDR สำหรับภาพถ่าย, โฟกัสอัตโนมัติพร้อมโฟกัสภาพและถ่ายภาพแบบพาโนรามาได้สูงสุดที่ 63 MP      คู่กล้องคู่ด้านหลังแบบ True-Depth มีขนาด 7 MP รูรับแสง ƒ/2.2 รองรับลูกเล่น Animoji มีระบบตรวจจับใบหน้าและร่างกาย, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ, มีโหมดถ่ายต่อเนื่อง, ระบบการควบคุมการเปิดรับแสง, โหมดจับเวลา, Auto HDR และการบันทึกวิดีโอด้วยความละเอียด 1080p HD.
     ระบบปฏิบัติการ iOS 11 ที่เป็นตัวใหม่ล่าสุด


          รุ่นฉลองครบรอบ 10 ปี ของ iPhone X (หรือ Ten) พร้อมประกาศวันเปิดให้สั่งจองเครื่องในวันที่ 27
ตุลาคม 2017 และจะวางจำหน่ายในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2017. ส่วนบ้านเราคงต้องร้องเพลงรอ ต่อไป.
iPhone 8 or iPhone X iPhone 8 or iPhone X Reviewed by SuPerGuRuMan on September 24, 2017 Rating: 5

No comments:

Apple Event - May 7

Powered by Blogger.